เอ๋ อัจฉรา เปิดใจครั้งแรก

"เอ๋ อัจฉรา" หลายโรครุมเร้า ไต-หัวใจวายเฉียบพลัน เปิดใจรอดตายปาฏิหาริย์

อดีตนางเอกจักรๆวงศ์ๆ เอ๋ อัจฉรา เปิดใจครั้งแรก หลังมีอาการป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ทรมานจนไม่อยากตื่น ล่าสุด รอดชีวิตปาฏิหาริย์จากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน และก็ ไตวายเฉียบพลัน

อาการหนักถึงกับขนาดตาบอด และ อะไรที่ทำให้เจ้าตัวกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ ผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องวัน31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา แล้วก็ บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ได้ยินข่าวมาว่าพี่ เอ๋ ป่วย ย้อนกลับไปมีโรคอะไรบ้าง?

เริ่มตั้งแต่เป็น SLE ก่อน เท่าที่รู้กัน เรา ไม่สามารถที่จะหาสาเหตุมันได้ แต่เป็นโรคซึ่งสามารถกระทบกับทุกส่วนของร่างกายได้ แล้วมันก็ขึ้นสมอง ทำให้เส้นเลือดสมองตีบ ผ่าสมอง แล้วมันมาเกาะที่หัวใจ ทำให้หัวใจหัวใจวายเฉียบพลัน เรา ก็จำเป็นต้องใส่ขดลวดหัวใจ ปัจจุบัน ก็คือลงไต

พี่เอ๋รู้ตอนไหนว่าเป็น SLE?

ในขณะนั้นที่ถ่ายแบบเยอะๆที่ประตูน้ำ มันก็ 20 กว่าปีแล้ว เวลานี้ พี่เริ่มเป็นปีกผีเสื้อ เป็นผื่น ตอนแรก รู้สึกว่า แพ้แดด

แต่ว่าพอมันเป็นหนักขึ้นเริ่มปวดตามข้อ ข้อเริ่มบวม ก็เริ่มไปตรวจหาสาเหตุที่ละเอียดขึ้น ถึงได้เจอว่า เป็น SLE ซึ่งในตอนนั้น ก็ไม่ทราบหรอกว่า SLE คืออะไร แต่ทราบว่า มันเป็นโรคพุ้มพวง แพ้ภูมิตัวเอง

สิ่งที่เราจำเป็นต้องดูแลตนเองในขณะนั้นอย่างไรบ้าง?

ในตอนนั้น ยังไม่น่ากลัว แค่ทราบว่าเป็นผื่น แต่ว่าพออยู่นานไป มันส่งผลกระทบต่อไต ต่อสมอง ทำไมเราหันไม่ได้ ทำไมเลือดไหลออกทางหู ทำไมเลือดกำเดาไหลตลอด ทำไมข้อถึงบวม

ในช่วงที่รู้ว่า ตนเองเป็น จนเริ่มลุกลามไปที่อื่นๆ มันใช้เวลาขนาดไหน เราดูแลรักษาอย่างไร?

ก็ดูแล ตามที่หมดว่า แต่ด้วยความที่ เป็นช่วงเราหารายได้เยอะ อะไรที่เป็นเงินทำหมด นอนน้อย นอนในรถตู้ ถึงเวลาขึ้นเวที เราขึ้นเวที ว่าจะเสร็จตี 2-3 แล้ว 7 โมงเช้า นัดหมายกองถ่ายละคร ตอนเย็นแคทวอร์ก เดินแบบ ถ่ายแบบ ดูแลตัวเองน้อยมาก

แล้วอาการอื่นๆ เริ่มจากที่ทราบว่า เป็น SLE พอมันเริ่มไปที่หัวใจ ไปสมอง ไต เป็นกี่ปี?

พอมันเป็นเยอะ เราต้องให้เลือด เม็ดเลือดขาวมันจำเม็ดเลือดแดงไม่ได้ มันก็จะกิน พอมันกินกัน เราก็จะต้องให้เลือดพอให้เยอะๆเชื้อโรคแฝงที่อยู่ในเลือด มันไปกระตุ้นโรคมะเร็ง ทุกคนมีเชื้อมะเร็งหมดเลย แล้วเผอิญพี่แจ็คพอร์ตหน่อย ไปพบเชื้อโรคที่มันเป็นเชื้อแฝง มันกระตุ้นมะเร็งขึ้นมา กลายเป็นโรคมะเร็งเม็ดเบือดขาว

ในขณะรักษาโรคมะเร็ง มันก็ขึ้นสมอง ทำให้เส้นเลือดก้านสมองมันตีบ หันไม่ได้ มีเลือดกำเดาไหลตลอด ช่วงแรก เข้าใจว่า เราตกหมอน ปวดคอ จนกระทั่ง 1-2 วัน เริ่มมีเลือดกำเดาไหลมากยิ่งขึ้น มีเลือดออกที่หู ถึงได้ไปตรวจ หมอบอกว่า เกิดจาก SLE ก็เลยผ่าตัดสมองด้วยการเลเซอร์

และก็ จากนั้นเกล็ดเลือดต่ำ มันไปกินเกล็ดเลือด หลังจากที่เรารักษาโรคมะเร็งแล้ว จำเป็นต้องให้ยา ให้เลือด ทำคีโม เกิดการแพ้อะไรแบบนี้ พอแพ้ เขาก็ให้เม็ดเลือด กลายเป็นกินเม็ดเลือด พอเม็ดเลือดเราน้อย ปกติมนุษย์เรามีเม็ดเลือด 150,000-450,000 แต่ของพี่เหลือประมาณ 9,000 เขาเลยจำเป็นต้องตัดม้าม ตัดไส้เมตรกว่า

แพทย์ได้บอกไหมว่า ตัดทำไม?

เอาเขาออกไป เพื่อเกร็ดเลือดเราคงที่ พี่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ระบบมันเป็นอย่างไร แต่แพทย์ บอกว่า มันเป็นช่องทางสุดท้าย

เอ๋ อัจฉรา

2 ปีที่ผ่านมาพี่ เอ๋ ก็มีภาวะซ้อนขึ้นมาอีก ไตวาย?

ไตวายเฉียบพลัน กับหัวใจวายเฉียบพลัน พร้อมกัน คือมันไม่ได้มีลักษณะอาการแบบเธอกำลังตัวร้อนนะ กำลังเป็นไข้นะ ไม่มีเลย เข้าห้องน้ำตี 3 กว่า คือล้มไป จากนั้นไปรู้ตัวอีกทีที่โรงพยาบาล เขาปั๊มหัวใจ แล้วฉีดยากระตุ้น ถึงได้รู้สึกตัว แล้วทำขดลวด และจากนั้นก็ย้ายไปสถาบันไตภูมิ เพื่อไปฟื้นไต ให้ไตทำงาน

ตอนนั้น บวม 78 กิโล มันไม่ขับออก ร่างกายตรงไหนที่มีรู จะมีท่อหมดเลย ยกเว้นหู ส่วนที่ไม่มีท่อก็โดนเจาะให้ ให้อาหารทางสาย ฟอกไต กระตุ้นไต มันจะมีช่วงนึงที่กลับมาอยู่บ้านแล้ว เวลาออกไปไหน หลายคนถาม ท้องหรอ กี่เดือน ก็เลยให้ดู เลย มันบวมน้ำ

ใช้เวลารักษาที่ไตวาย หัวใจวาย นานไหม?

19 ส.ค. ปี 64 จนกระทั่งต้นเดือนพ.ย. 3 เดือนที่อยู่บนเตียง ไม่ได้ไปไหน ใช้แพมเพิสเป็นห้องน้ำ

อัปเดตนิดนึงในบรรดาทุกโรค?

ไต หัวใจ โรคเบาหวาน ความดัน

อะไรที่ทำให้พี่ยิ้ม คุยเล่น ทำเหมือนฉันไม่มีโรคเลย?

ยอมรับความจริง ปล่อยวาง การบริหารความจริง อ่อ มันเป็นแบบนั้นเอง รู้จักมันให้ได้ บริหารความทุกข์ให้เป็น แล้วมีความสุขเอง แต่ก่อน พี่ใจร้อนไม่ค่อยยอมใคร เวลานี้ มีความรู้สึกว่า เขาเป็นของเขาอย่างนั้น เราก็ปล่อยเขาไป

เวลานี้ ต้องดูแลตัวเองยังไง ความคิดเปลี่ยนไปจรากเดิมเลยไหม?

จำเป็นต้องดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษ บางวันเห็นพี่อย่างนี้ ไม่แน่ตื่นมาบวม หน้าเบี้ยว ถ้าเกิดเรานอนบนหมอนแล้วหน้าเราบวมขึ้นมามัน ก็จะเป็นพระจันทร์ครึ่งเสี่ยว จำเป็นต้องดูแลตนเองมากตรงนี้ 1.กินยาตรงเวลา 2.ออกกำลังกายเท่าที่ออกไหว พักผ่อนเพียงพอ ไม่เครียดรู้จักปล่อยวาง

ยังต้องคุม SLE อยู่ด้วยใช่ไหม?

ใช่อันนี้สำคัญ ยังจะต้องกินสเตรอย จะต้องให้ยาเคมีอยู่เป็นระยะๆ

พี่เอ๋ป่วยหนักถึงขั้นตาบอด?

มันขึ้นตา มันมีภาวะน้ำตาลด้วย พอ SLE มันมา พี่ก็ไม่รู้ว่า ระบบของเชื้อโรคมันเป็นยังไง มันเริ่มจากตาบวม สักพักจมูก ปากเริ่มบวม ขณะที่ตากับจมูกเริ่มบวม ตามันก็จะมองไม่เห็น จะค่อยๆบอด โดยที่มันไม่มีแผล ที่เรารู้จัก เพชรชรา เราไม่รู้เลย

ถ้าเกิดเราพบท่าน เขามองกันแบบนี้ แต่ว่าอันที่จริงแล้วเขามองไม่เห็น พี่ก็เหมือนกัน มองอะไรไม่เห็น ทุกๆอย่างมืด นั่นแหละ ที่พี่ทำใจไม่ได้ แล้วเราจะได้เห็นลูกเหรอ คือมองไม่เห็นเลย

แพทย์รักษายังไง?

เขาฉีดยาเข้าไปในตาเลย เหมือนในตาขาดอ็อกซิเจนด้วย ทุกอย่างก็รีบไปกระตุ้นตา ตอนเขาทำ เราก็รู้สึก แต่ว่าเขามียาชา เหมือนผ่าตัด บอลลูนหัวใจพี่ก็ไม่ได้วางยาสลบนะคะ แค่บล็อกหลัง แค่รู้ว่า ขั้นตอนมันเป็นอย่างนี้

ที่ไม่สามารถมองเห็นเกือบเดือน ในตอนนั้นทำยังไง?

มีพี่เลี้ยง มีเพื่อนที่คอยดูแล แล้วก็โทรคุยกับลูก คุยกับแม่ แม่ก็จะมาเยี่ยม มาดูแล อยู่ใกล้แพทย์มากเลย เนื่องจาก พี่กลัวตาบอดมาก

อันนี้รู้สึกแย่ที่สุด?

ใช่ๆ ด้วยเหตุว่า ตัดม้าม ทำอะไรเราไม่เห็น มันอยู่ข้างใน แต่ว่าเราสามารถมองเห็นความสวยงามของโลกนี้ได้ เราใช้ตา เราใช้การมองเห็น พี่มีความคิดว่า สายตาสำคัญ มันไม่เห็นอะไรแล้ว มันเป็นภาระคนอื่น

เอ๋ อัจฉรา เปิดใจครั้งแรกมะเร็งเม็ดเลือดขาว

มีแอบคิดเผื่อไหมว่าจะมองไม่เห็นตลอดไป?

พี่ไม่เคยท้อนะ พี่ไม่คิดมาก เป็นคนคิดบวก ถึงจุดจุดหนึ่งจะรู้สึกว่า ไม่มีอะไรสำคัญ เท่าการมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ถ้าเกิดวันหนึ่งพี่ตาบอด พี่เลือกที่จะตายดีกว่า

ถ้าหากพี่ตาบอด พี่ไม่สามารถเห็นความสวยงามบนโลกนี้อีกแล้ว ได้เพียงแค่การสัมผัสไปจับ แล้วไม่เคยทราบว่ามันเป็นอะไร นอกจากไปชิม หรือ ถามคนอื่นๆ มันไม่ใช่พี่

อันนี้เป็นเหตุผลที่พี่เคยคิดจะไม่อยู่ในโลกนี้?

ทุกครั้งเวลาเราไหว้พระ ขอพร สัจจะธรรมของเราเลย คือขอให้พรุ่งนี้ตื่นมาอย่างสมบูรณ์ แต่ว่าตอนเรื่องตา คิดว่า กราบพระทุกครั้ง จะต้องกล่าวว่า พรุ่งนี้หนูไม่ตื่นแล้วก็ได้ ถ้าเกิดหนูยังมีบุญอยู่ อย่าทรมานหนูอีกเลย หนูยอมแล้ว ลูกโตแล้ว การมองไม่เห็น มันทรมาน

เห็นบอกว่า เป็นเพราะคำพูดของลูกสาวด้วยที่ทำให้พี่อยู่ต่อ คำพูดนั้นคืออะไร?

ไม่มีแม่หนูอยู่ไม่ได้ แม่จำเป็นต้องดูแลตนเองนะ แม่จะต้องเข้มแข็งนะ ไม่มีแม่หนูจะอยู่ยังไง